1.โครงสร้างและหน้าที่ของผลกับเมล็ด
ผล คือ ส่วนที่เจริญมาจากรังไข่ ภายหลังเกิดการปฏิสนธิ
-ผลบางชนิดไม่ได้เจริญมาจากรังไข่ แต่เจริญเติบโตมาจากฐานรองดอก เรียกว่า "ผลเทียม"
เช่น ชมพู่ แอปเปิล
-ผลบางชนิดมีเนื้อมาก จึงใช้รับประทานได้ เช่น เงาะ มะม่วง ลำไย ส้ม
-ผลบางชนิดไม่มีส่วนเนื้อ มีเปลือกบางติดแนบกับเมล็ดเรียกว่า "เมล็ด" เช่น ข้าว ถั่วลิสง ทานตะวัน
-ผลบางชนิดไม่ได้เจริญมาจากรังไข่ แต่เจริญเติบโตมาจากฐานรองดอก เรียกว่า "ผลเทียม"
เช่น ชมพู่ แอปเปิล
-ผลบางชนิดมีเนื้อมาก จึงใช้รับประทานได้ เช่น เงาะ มะม่วง ลำไย ส้ม
-ผลบางชนิดไม่มีส่วนเนื้อ มีเปลือกบางติดแนบกับเมล็ดเรียกว่า "เมล็ด" เช่น ข้าว ถั่วลิสง ทานตะวัน
หน้าที่ของผล ผลมีหน้าที่สะสมอาหาร และห่อหุ้มเมล็ดเพื่อป้องกันไม่ให้เมล็ด เกิดอันตราย
ส่วนประกอบของผล ผลประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เนื้อ เมล็ด เปลือก
โครงสร้างของผล
โครงสร้างของผล
เมื่อรังไข่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นผล ผนังรังไข่จะเปลี่ยนเป็นเพริคาร์ป (pericarp) ห่อหุ้มเมล็ดอยู่ภายใน เพริคาร์ปของผลแต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกัน ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ได้แก่ เอกโซคาร์ป มีโซคาร์ปและเอนโดคาร์ป
1.1 เอกโซคาร์ป (exocarp) เป็นชั้นนอกสุดของผลที่มักเรียกว่าเปลือก โดยทั่วไปประกอบด้วยเนื้อเยื่อเอพิเดอร์มิสเพียงชั้นเดียว แต่ก็มีผลบางชนิดที่เอกโซคาร์ประกอบด้วยเนื้อเยื่อหลายชั้นและอาจมีปากใบด้วย เอกโซคาร์ปของพืชแต่ละชนิดจะมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น เรียบเหนียว เป็นมัน ขรุขระ อาจมีหนาม มีขนหรือต่อมน้ำมัน
1.2 มีโซคาร์ป (mesocarp) เป็นชั้นกลางถัดจากเอกโซคาร์ปเข้ามา ผลบางชนิดนั้นมีโซคาร์ปหนา บางชนิดบางมาก มีโซคาร์ปของผลบางชนิดเป็นเนื้ออ่อนนุ่มใช้รับประทานได้
1.3 เอนโดคาร์ป (endocarp) เป็นชั้นในสุดของเพริคาร์ป ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่มีความหนาชั้นเดียวหรือหลายชั้นจนมีลักษณะหนามาก บางชนิดเป็นเนื้อนุ่มใช้รับประทานได้
เพริคาร์ปของผลแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไป ผลบางชนิดมีเพริคาร์ปเชื่อมติดกันจนแยกไม่ออก เช่น ข้าวโพด ถั่วเขียว ถั่วเหลือง บางชนิดส่วนเอกโซคาร์ปและมีโซคาร์ปเชื่อมติดกันหรือแยกกันไม่เด่นชัด เช่น มะเขือเทศ มะละกอ ฟัก แต่เพริคาร์ปของพืชอีกหลายชนิดสามารถแยกเป็น 3 ชั้นชัดเจน เช่น มะม่วง พุทรา มะพร้าว มะปราง
ผลที่กำเนิดมาจากรังไข่แบบอินฟีเรีย เช่น แตงกวา ฟักทอง ทับทิมและฝรั่ง มีเปลือกนอกเป็นผนังของฐานดอก ส่วนเพริคาร์ปจะอยู่พัดเข้าไปและมักเชื่อมรวมกันจนสังเกตยาก ผลบางชนิดมีส่วนเนื้อที่รับประทานได้เจริญมาจากฐานดอกซึ่งอวบเต่งเจริญเป็นเนื้อผล เช่น แอปเปิ้ล ส่วนที่เป็นเพริคาร์ปจริง ๆ จะอยู่ข้างใน เนื้อของผลชนิดนี้เรียกว่า ซูโดคาร์ป (seudocarp)
เมล็ดพืชบางชนิด เช่น ข้าว ข้าวโพด ทานตะวัน ดาวเรือง ผักกาดหอม ส่วนที่เรียกว่า เมล็ดนั้นแท้จริงแล้วคือผล ซึ่งเป็นผลที่มีขนาดเล็ก มีเพริคาร์ปบางมากแนบสนิทกับเยื่อหุ้มเมล็ด ดังในกรณีของบัว ส่วนของแกลบก็คือเพริคาร์ป รำคือส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดและข้าวสารที่ใช้รับประทานคือ เอนโดสเปิร์ม
เมล็ดพืชบางชนิด เช่น ข้าว ข้าวโพด ทานตะวัน ดาวเรือง ผักกาดหอม ส่วนที่เรียกว่า เมล็ดนั้นแท้จริงแล้วคือผล ซึ่งเป็นผลที่มีขนาดเล็ก มีเพริคาร์ปบางมากแนบสนิทกับเยื่อหุ้มเมล็ด ดังในกรณีของบัว ส่วนของแกลบก็คือเพริคาร์ป รำคือส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดและข้าวสารที่ใช้รับประทานคือ เอนโดสเปิร์ม
เมล็ด คือ ออวุลที่ได้รับการผสมและเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว เมล็ดพืชแต่ละ ชนิดจะมีรูปร่างและขนาดแตกต่างกัน
ส่วนประกอบของเมล็ดเมล็ดประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
1. เปลือกหุ้มเมล็ด
2. ต้นอ่อน
3. อาหารเลี้ยงต้นอ่อน
1. เปลือกหุ้มเมล็ด
2. ต้นอ่อน
3. อาหารเลี้ยงต้นอ่อน
ใบเลี้ยง คือส่วนที่อยู่ในเมล็ด มีลักษณะหนา แข็ง และอวบ ทำหน้าที่สะสมอาหารไว้เลี้ยงต้นอ่อน
พืชใบเลี้ยงคู่ จะมีใบเลี้ยง 2 ใบ
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว จะมีใบเลี้ยงใบเดียว
พืชใบเลี้ยงคู่ จะมีใบเลี้ยง 2 ใบ
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว จะมีใบเลี้ยงใบเดียว
หน้าที่ของเมล็ด •เมล็ดมีหน้าที่ในการแพร่พันธุ์ โดยวิธีการต่าง ๆ ตามลักษณะเมล็ดพืช เช่น อาศัยลม น้ำ คน สัตว์ การดีดกระเด็นของเมล็ดพืชเมื่อเมล็ดพืชแตก
•เมล็ดเมื่อได้รับความชื้น(น้ำ) อากาศ อุณหภูมิที่พอเหมาะ เมล็ดจะงอกเป็นต้นใหม่ และเจริญเติบโตออกดอก ผล และเมล็ดวนเวียนเช่นนี้ ตลอดไป
แหล่งที่มา